ฟุตบอลเอฟเอคัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เปิดรังเหย้า บรามอลล์ เลน แบบไร้คนดูตามมาตรการป้องกันโควิด-19 พบกับ อาร์เซนอล ดีกรีแชมป์ 13 สมัย

เริ่มเกมได้ 9 นาที เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ส่งบอลตุงตาข่ายแต่ไม่ได้ประตู จากลูกเตะมุมฝั่งซ้าย โอลิเวอร์ นอร์วูด เปิดให้ จอห์น อีแกน โหม่งชงต่อให้ จอห์น ลุนด์สตรัม โหม่งจ่อ ๆ เข้าไป ผู้ตัดสินต้องเช็กกับทีมงาน VAR ก็พบว่า ลุนด์สตรัม อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าชัดเจน

ต่อมานาทีที่ 25 อาร์เซนอลมาได้จุดโทษ จากจังหวะที่อเลซองด์ ลากาแซตต์ ไปโดน คริส บาแชม สกัดด้านหลังจนล้มลงไป ก่อนจะเป็นนิโกลัส เปเป้ ยิงไม่พลาด ส่งให้ทัพปืนโตบุกนำ 1-0 ก่อนจะจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลังฝั่งของดาบคู่ตีเสมอได้ ในนาทีที่ 87 จากจังหวะที่ แจ็ค โรบินสัน ทุ่มไกลทางกราบซ้ายเข้าเขตโทษแล้วแนวรับทีมเยือนสกัดกันไม่ขาดไปเข้าทางเดวิด แม็คโกลดริก ยิงด้วยขวาจ่อ ๆ ไม่เหลือ ทำใหสกอร์ขยับมาเท่ากันที่ 1-1

นาทีที่ 90+1 เดอะ กันเนอร์สมาได้ประตูชัยจากจังหวะที่ เปเป้ เลี้ยงบอลไปติดแนวรับเจ้าบ้านมาเข้าทาง ดานี เซบาญอส ได้เก็บตกไปซัดด้วยขวาให้ปืนใหญ่ชนะ 2-1 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศเอฟเอคัพเป็นทีมที่ 2 ต่อจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

อีกคู่ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เปิดสนามเซนต์ เจมส์ ปาร์ค พบกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์ 8 สมัย เกมนี้ แมนฯ ซิตี้ ที่ครองเกมได้เหนือกว่า นาทีที่ 37 กาเบรียล เชซุส ถูกผลักล้มในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษ ก่อนที่ เดอ บรอยน์ ยิงไม่พลาด ส่งให้ทีมเยือนขึ้นนำ 1-0

เริ่มครึ่งหลัง สาลิกาดง นาทีที่ 68 เดอะ ซิตี้เซนท์ส ก็มาบวกประตูเพิ่ม จากจังหวะที่ฟิล โฟเดน จ่ายทะลุมาให้ราฮีม สเตอร์ลิง ซัดด้วยขวา บอลพุ่งเสียบเสาไกล ส่งให้แมนฯ ซิตี้ เอาชนะในเกมนี้ 2-0 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ เอฟเอคัพ ไปพบกับอาร์เซนอล

คู่สุดท้าย เลสเตอร์ ซิตี้ เปิดรังเหย้า คิง เพาเวอร์ สเตเดียม พบกับเชลซี เกมนี้มีประตูเกิดขึ้นในครึ่งหลัง นาทีที่ 63 วิลเลียน เปิดบอลทางกราบขวาให้ รอสส์ บาร์คลีย์ ตวัดยิงด้วยขวาตุงตาข่าย และเป็นประตูชัยให้ส่งให้สิงโตน้ำเงินครามเอาชนะ 1-0 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศไปพบแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ผลการประกบคู่ เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ซึ่งจะแข่งขันกันในวันที่ 18 – 19 ก.ค.

18 ก.ค.63 อาร์เซนอล – แมนฯ ซิตี้

19 ก.ค.63 แมนฯ ยูไนเต็ด – เชลซี

ส่วนรอบชิงชนะเลิศมีขึ้นในวันที่ 1 ส.ค. จะแข่งขันที่สนามเวมบลีย์ ทั้งหมด